อิมามริฎอ (อ.) ผู้ปูพื้นฐานประชาชาติผู้ช่วยเหลือ และฐานมั่นแห่งการปฏิวัติโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

36

____________________

📝เรียบเรียงจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี เนื่องในค่ำคืนคล้ายวันประสูติท่านอิมามอะลี อิบนิมูซา อัร-ริฎอ(อ.) อิมามท่านที่ 8 แห่งวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยตฺ | ตรงกับวันที่ 30 พ.ค. 2566 ณ มัสยิดรูฮุลลอฮ์ จ. นครศรีฯ

✨ขอแสดงความยินดียังท่านอิมามประจำยุคสมัย อิมามมะฮ์ดี (อ.) ผู้มาโปรดโลก และผู้ศรัทธาทุกท่าน✨

🔰——- [อรัมภบท] ——- 🔰

ในเนื้อหาการบรรยายเบื้องต้น ท่านซัยยิดสุไลมาน ได้ชี้ให้เห็นว่า การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนหน้าแผ่นดิน คือ การปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) เพราะเป็นการปฏิวัติโลก เป็นการปฏิวัติของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่ชีอะฮ์เพียงอย่างเดียว ทว่าเป็นการปฏิวัติที่มนุษยชาติ ทุกชนชาติ ทุกศาสนามีส่วนร่วม กล่าวคือ โลกทั้งผองจะร่วมกับอิมามมะฮ์ดี (อ.)ในการปฏิวัติ

ทั้งนี้ ท่านซัยยิดได้อธิบายต่อไป ในบริบทที่เอกองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ได้ทรง “ร้อยเรียง” เรื่องราวต่างๆ อย่างมากมายตลอดหน้าประวัติศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ และชี้นำมวลมนุษย์ไปสู่การเชื่อมั่น และการเตรียมพร้อมสู่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่นี้ ตัวอย่างหนึ่งในนั้น คือ การแจ้งถึงเป้าหมายของการสร้างอัลกะบะฮ์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) — กล่าวคือ หนึ่งในเป้าหมายของการสร้างกะอ์บะฮ์ ก็เพื่อเป็นศูนย์รวมของ “การกิยามของมนุษยชาติ” (อัลกุรอาน 5:97) ในทำนองเดียวกัน ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.) ก็มา เพื่อการกิยาม เเละการปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก็เป็นการปฏิวัติของมนุษยชาติ

อีกกรณีหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงการร้อยเรียง และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) คือ การส่งมอบ “พิมพ์เขียว” ให้แก่การปฏิวัติ ผ่านแบบฉบับการพลี และการต่อสู้ของท่านอิมามฮูเซน (อ.) ณ แผ่นดินกัรบาลา

ด้วยสาเหตุที่การปฏิวัติโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)นั้น จะต้องมีพิมพ์เขียวเเบบกัรบาลาเฉพาะเพียงแบบเดียวเท่านั้น จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมาย และประสบความสำเร็จได้ — ณ ที่นี่ หมายถึง การปฏิวัติในแบบที่ทุกฟันเฟืองของสังคม จะต้องมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้นในการต่อสู้ — ดังนี้ ท่านอิมามฮูเซน (อ.) จึงต้องสำแดงแบบฉบับ และทั้งหมดที่ปรากฏในกัรบาลานั้น ก็เพื่อที่จะสร้างพิมพ์เขียวให้แก่การปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั่นเอง

อย่างไรก็ดี อันเนื่องจากพระผู้เป็นเจ้า(ซ.บ) ทรงประสงค์ให้การปฏิวัติโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ดำเนินไปในวิถีทางตามธรรมชาติ ดังนั้น นอกจากที่การปฏิวัตินี้ จะต้องมีพิมพ์เขียวที่สมบูรณ์แบบแล้ว ถึงกระนั้น มันก็ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ อีก โดยหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับบทบาทของท่านอิมามริฎอ(อ.) นั่นก็คือ การปฏิวัตินี้ จำเป็นจะต้องมี “ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” มารองรับ — ดั่งที่ท่านซัยยิดสุไลมาน ได้อธิบายไว้ดังต่อไปนี้ ⬇️⬇️⬇️

•• มีสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ในการปฏิวัติของอิมามมะฮ์ดี(อ) — ถามว่าท่านอิมาม (อ.) จะมาปฎิวัติเมื่อไหร่? คำตอบคือ ในยุคอาคิรุซมาน (ยุคสุดท้าย) เพราะหลังจากการปฏิวัติของท่านจบลง และบรรลุเป้าหมายแล้ว โลกจะเข้าสู่กิยามัต — ซึ่งในส่วนนี้ ก็ยังมีรายละเอียดอีกมาก เช่น การกลับมาอีกครั้งของท่านนบีอีซา (อ.) รวมถึงท่านนบีคัยดิร (อ.) ก็ต้องกลับมาอีกเช่นกัน

📌การปฏิวัติของมวลมนุษย์ ตามวิถีทางตามธรรมชาติ

ถามว่า ทำไมท่านนบีอีซา(อ.) จะต้องกลับมา? อะไรคือ บทบาทของท่านนบีอีซา (อ.) ? ทำไมเป็นพันๆปีแล้ว จึงยังต้องกลับมา? ทำไมอัลลอฮ์(ซ.บ ) ถึงเก็บนบีอีซา(อ) ไว้ ยังไม่ให้เสียชีวิต และนำเอาท่านไปอยู่ในสภาพเร้นหายเหมือนกัน ท่านนบีอีซา(อ.) มีความสำคัญสักขนาดไหน ถึงต้องรักษาเอาไว้ เพื่อมาช่วยอิมามมะฮ์ดี(อ)ทำการปฏิวัติ?

➡️ เพราะท่านนบีอีซา(อ.) จะต้องมาชี้นำชาวคริสเตียน และมายืนยันการปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ) อันเนื่องจากการปฏิวัตินี้เป็นการปฏิวัติของมนุษยชาติ มุสลิมไม่เพียงพอ จึงต้องนำคริสเตียนมาด้วย และผู้ที่จะชี้นำชาวคริสเตียนกลับมาได้ คือ ท่านนบีอีซา(อ.)

ทำไมอัลลอฮฺ(ซ.บ) จึงไม่ช่วยทำให้(มุสลิม)มีเพียงพอไปเลย? — คำตอบคือ ถ้าจะให้ช่วยแบบนี้ ก็ไม่ต้องรอเป็นพันๆปี เหตุที่ต้องรอกันเป็นพันๆปีนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้การปฏิวัตินี้ เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เหมือนกับการปฏิวัติของท่านนบีมูซา(อ.) ซึ่งแตกต่าง เพราะการปฏิวัติของท่านนบีมูซา(อ.) ในการโค่นล้มฟิรอูน(ล.น)นั้น พระองค์(ซ.บ)ทรงช่วยเหลือ 99.99%

ทว่า การปฏิวัตินี้ไม่ใช่เช่นนั้น การปฏิวัตินี้ คือ จะต้องปฏิวัติตามวิถีของมนุษย์ ตามวิถีของธรรมชาติ จริงๆตรงนี้ เป็นการปูทางไปสู่เป้าหมาย เพราะเป็นการปฏิวัติตามวิถีของมนุษย์ ที่อิมามมะฮ์ดี(อ) ต้องเร้นหายเป็นพันๆปี นบีอีซา(อ.) เป็นสองพันปี ซึ่งหากจะให้อัลลอฮ์(ซ.บ)ช่วย เหมือนที่ช่วยท่านนบีอิบรอฮีม(อ.) หรือเหมือนที่ช่วยท่านนบีมูซา (อ.) ก็ไม่จำเป็นจะต้องมี(การเร้นหาย)เป็นพันๆปี

📌ปัจจัยสำคัญ เมื่อพระองค์ทรงประสงค์การปฏิวัติที่มาจากศรัทธาอย่างแท้จริง

ทว่าพระองค์ทรงประสงค์การปฏิวัติที่เกิดจากความรัก และความศรัทธาของมนุษย์อย่างแท้จริง ดังนั้น เมื่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) จะเอาการปฏิวัติแบบนี้ จึงเข้าสู่ประเด็นที่ว่า อะไรคืออีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ??

เมื่อท่านอิมามฮูเซน(อ.) ได้แสดงพิมพ์เขียวเอาไว้แล้ว อะไรอีกอย่าง ที่จะเป็นเรื่องที่สำคัญของการปฏิวัติที่เป็นวิถีทางธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง? — แน่นอนว่า การช่วยเหลือที่เร้นลับ ก็มีเช่นกัน ไม่ใช่ไม่มี แต่มีในแบบที่ไม่ให้ถูกมองเห็น ผู้ที่ศรัทธาที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมองเห็น — ดังนั้น อะไรอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ?

➡️ คำตอบคือ “ผู้ช่วยเหลือหลัก” ของการปฏิวัตินี้ หมายถึง จุดเริ่มต้น ผู้เริ่มต้น ที่จะเป็นตัวช่วยเหลือหลักของการปฏิวัติอันนี้ ประการที่สอง นอกจากผู้ช่วยเหลือหลักแล้ว คือ “ฐานมั่นและแผ่นดิน” สำหรับการปฏิวัติ

และเมื่อการปฏิวัติ เป็นวิถีทางธรรมชาติ ดังนั้น กลุ่มชนหลัก และแผ่นดินที่ถูกเลือก และประชาชาติที่ถูกเลือกสำหรับการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่อันนี้ ก็คือ ชาวอิหร่าน

📌 ประชาชาติที่ถูกเลือก ประชาชาติแห่งซัลมาน อัลฟารซี

ทำไมชาวอิหร่านจึงถูกเลือก? — เพราะความพิเศษทางด้านศรัทธาของเขา ซึ่งเรามีทั้งอายะฮ์อัลกุรอานและฮะดิษอย่างมากมายเกี่ยวกับหัวข้อนี้ วันนี้ขอยก หนึ่งอายะฮ์จากอัลกุรอาน ถือว่าเพียงพอ ที่จะมาเป็นเครื่องยืนยันว่า ทำไมประชาชาตินี้จึงถูกเลือก โดยอายะฮ์แรกที่จะต้องยก เมื่อพูดถึงประชาชาติอิหร่านคือ อายะฮ์สุดท้าย ที่อยู่ในซูเราะฮ์มูฮัมหมัด ความว่า:

وَإِن تَتَوَلَّوْا يَسْتَبْدِلْ قَوْمًا غَيْرَكُمْ ثُمَّ لَا يَكُونُوا أَمْثَالَكُم

พระองค์ก็จะทรงเปลี่ยนหมู่ชนอื่นแทนพวกเจ้า แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เป็นเช่นพวกเจ้า

➡️ คำอธิบาย: วันหนึ่ง อายะฮ์นี้ถูกประทานให้กับท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ) มีความหมายว่า ‘ถ้าพวกเจ้าหันกลับ’ … เปลี่ยนแปลง ไร้อีหม่าน ทิ้งศาสนา.. ‘อัลลอฮ์(ซ.บ) จะเปลี่ยนประชาชาติใหม่ ที่ไม่เหมือนกับพวกเจ้า และพวกเจ้าก็จะไม่มีวันเหมือนกับพวกเขา

บรรดาอบู (สาวก) ต่างๆ ได้ยินดังนั้น เกิดความสับสน จึงได้ถาม… ‘ยารอซูลุลลอฮ์ อายะฮ์นี้ลงมา มีความหมายว่าอย่างไร? ‘ — ตรงนี้ ถือเป็นความโชคดีของเรา (ชีอะฮ์) เพราะโองการนี้ พร้อมคำอธิบาย และมีฮาดิษกำกับนั้น ได้ให้คำอธิบาย โดยที่คำอธิบายเช่นนี้ ก็มีบันทึกอยู่ในตัฟซีรของอิบนิกะซีร นักอรรถาธิบายที่โลกซุนหนี่ยอมรับเช่นกัน ว่า ท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้ตอบว่า — ‘วันหนึ่งพวกเจ้า จะละทิ้งศาสนา’ — พวกเจ้า หมายถึงอาหรับ ซึ่งในทุกวันนี้ ก็เป็นที่ปรากฏว่า ชาวอาหรับได้ละทิ้งอิสลามแล้ว… ‘ดังนั้น อัลลอฮ์(ซ.บ.) จะทรงเปลี่ยนประชาชาติใหม่มาแทนพวกเจ้า’ — เป็นผู้พิทักษ์ใหม่มาแทน … ‘และพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เหมือนกับพวกเจ้า’

[สาวกกล่าวถาม] ‘ใครกันยารอซูลุลลอฮ์ ?’ — ขณะนั้น ท่านซัลมาน อัลฟารซี กำลังนั่งอยู่ข้างๆ และท่านนบี(ศ็อลฯ) ก็ได้ตีไปบนไหล่ของท่านซัลมาน อัลฟารซี บางฮะดิษบอกว่า ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้ตีไปที่น่องของซัลมาน แล้วพูดกับซอฮาบะฮ์ว่า

 

‎فَضَرَبَ یَدَهُ عَلَى فَخِذِ سَلْمَانَ فَقَالَ هَذَا وَ قَوْمُهُ وَ الَّذِی نَفْسِی بِیَدِهِ لَوْ کَانَ الْإِیمَانُ مَنُوطاً بِالثُّرَیَّا لَتَنَاوَلَهُ رِجَالٌ مِنْ فَارِسَ”.

 

‘นี่ ประชาชาตินี้ อัลฟารซี ที่จะมาทดแทนพวกเจ้าในวันที่พวกเจ้าทิ้งศาสนานี้’ … และได้พูดตบท้ายอีกฮะดิษหนึ่ง ความว่า .. ‘จงรู้ไว้ด้วยว่า แม้นอิหม่านจะอยู่ถึงดาวลูกไก่’ — หมายถึงความยากลำบากของอิหม่าน คือ การที่จะยืนหยัดกับศรัทธานี้ให้ได้ ต้องผ่านการบอยคอต แซงชั่น ทุกอย่าง 40 กว่าปี — ‘แต่ฟารซีนี้ ก็ยังตรึงยึดมั่นอยู่ในศรัทธาของพวกเขา’

ดังนั้น ท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้ชี้ว่า การที่จะไปถึงอิหม่านนั้นยากเสมือนขึ้นไปบนดาวลูกไก่ (กล่าวในสมัยที่ชาวอาหรับยังคงขี่อูฐ) แต่ทว่าชาวเปอร์เซีย ก็จะไปถึง แม้น ยากลำบากสักเพียงใด ชาวเปอร์เซียก็จะไปถึงอีหม่านอันนั้น นี่คือความเข้มแข็ง ความอดทน ซึ่งยังมีฮะดิษอีกเป็นร้อยฮาดิษ ที่พูดในลักษณะเช่นนี้

อีกหนึ่งฮะดิษที่ยืนยัน ก็คือฮะดิษธงดำ ฮะดิษธงดำมีรายงาน ทั้งซุนหนี่และชีอะฮ์ … ‘เมื่อธงดำแห่งโคราซานปรากฎขึ้น เจ้าจงไปที่นั่น เพราะลูกหลานของฉันจะทำการปฏิวัติ’… หรือ.. ‘กออิมของฉัน จะกิยามแล้ว จงไปกันที่นั้น เมื่อธงดำปรากฏขึ้นในโคราซาน’… นี่คือบริบทเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของชาวอิหร่าน

 

ฮะดิษอีกมากมายที่ชี้ว่า ชาวอิหร่านจะร่วมภารกิจนี้กับอิมามมะฮ์ดี(อ) ซึ่งยืนยันแล้วด้วยว่า ‘พวกเขาจะไม่แพ้ เพราะเขาแกร่งเหมือนกับเหล็กกล้า’ لَا یَمَلُّونَ مِنَ الْحَرَبِ ‘เขาไม่เคยเหนื่อยกับสงคราม’ — ซึ่งฮาดิษเหล่านี้ ได้อธิบายอย่างละเอียดว่า ประชาชาตินี้จะเกิดขึ้น และเมื่อประชาชาตินี้เกิดขึ้นแล้ว การปฏิวัติโลก การปฏิวัติแห่งมนุษยชาติ ก็จะเกิดขึ้นตามมา เพื่อจะเชิญชวนมนุษยชาติอื่นๆเข้าร่วมกับการปฏิวัติอันนี้ ยิ่งถ้าหากเราสังเกตดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ก็ถือได้ว่า การปฏิวัติโลกได้ใกล้เข้ามาแล้ว

ความยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่าน ในสถานการณ์ปัจจุบัน

มีคำพูดใหม่คำพูดหนึ่ง เป็นคำพูดแห่งยุคสมัย ซึ่งลึกซึ้งและกล้าหาญเป็นอย่างมาก ไม่มีผู้นำมุสลิมไหนในโลกที่กล้าพูด ยกเว้นจากอิหร่าน นั่นคือ คำพูดของท่าน ปธน. ซัยยิดอิบรอฮีม ระอีซี ท่านพูดเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว ขณะไปเยือนอินโดนีเซีย ต่อหน้าอุมมัติอิสลามแห่งอินโดนีเซีย ท่านพูดว่า:

💡“ยุคแห่งการครอบงำ และอำนาจของสหรัฐอเมริกา ได้สิ้นสุดลงแล้ว” — ยุคนี้อเมริกาหมดอำนาจแล้วไม่ต้องไปกลัวมัน

💡“มิตรภาพและความสามัคคี คือยุทธศาสตร์สำคัญในการเผชิญหน้ากับศัตรู” — ความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชาติ มิตรภาพ มนุษยชาติมีความรักเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน นี่ก็เพียงพอแล้วที่เราจะเผชิญหน้ากับศัตรู

💡“ถ้ายังหวังตะวันตก ให้ดูยูเครนเป็นบทเรียน”

ในบริบทนี้ รัฐบาลไทยควรฟังไว้ด้วย รัฐบาลเด็กอมมือ .. อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเด็กเป็นรัฐบาล? — พรรคก้าวไกลเนี่ย ซีฟัตของพวกมัน คือ ไม่เชื่อในศาสนา ไม่เคารพครูบาอาจารย์และพ่อแม่ ไม่เชื่อและศรัทธาในศีลธรรมใดๆ ขนาดยังไม่ได้เป็นนายก จะจัดปาตี้สีรุ้ง เชิญพวกสีรุ้งทั้งโลกมารวมตัวกัน…ไม่รู้พวกเชคก้าวไกลจะไปตอบกับอัลลอฮ์(ซ.บ)อย่างไร… ณ ตอนนี้ สิ่งที่ สว.กลัว มีอยู่สองอย่าง หากพวกเด็กอมมือได้จัดตั้งรัฐบาล คือ 1) จะล้มล้างสถาบันฯ 2) จะเชิญมหาอำนาจเข้ามาในประเทศนี้ มาตั้งฐานทัพ รบกับพม่า รัสเซีย จีน ดังนั้น — ท่าน ปธน. ได้กล่าวว่า ‘ให้ดูยูเครนไว้เป็นตัวอย่าง’

 

💡 “ต่อไปนี้ เราจะได้ยินคำว่าอิสลามมากขึ้น ในเวทีการเมืองโลก” — แปลว่า ถึงเวลาของอิสลามแล้ว ถึงเวลาของชาวมุสลิมแล้ว ที่จะต้องจัดระเบียบโลก นี่คือคำพูดของประธานาธิบดี นี่คือประชาชาตินี้ ที่อัลลอฮ์(ซ.บ)ตรัสว่า ‘ไม่เหมือนกับพวกเจ้า โอ้อาหรับเอ๋ย’ หรือที่ท่านนบี(ศ็อลฯ) กล่าวว่า ชาวเปอร์เซียก็จะไปถึงซึ่งอิหม่าน [ศรัทธาที่แข็งแกร่งกล้า] อันนั้น…

 

📌 บทบาทของท่านอิมามอะลี อัร-ริฎอ (อ.)

 

คำถามคือ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ความกล้าหาญเหล่านี้ ความพร้อมเหล่านี้ของคนอิหร่าน เกิดขึ้นได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติไหม? — เราเกิดมา มีอีหม่าน เป็นนักรบได้ทันทีหรือไม่? — ไม่ใช่ ไม่มีใครเกิดมามีอีหม่าน ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับอีหม่าน ต่อให้พ่อเป็นนบีก็ไม่มีอีหม่านหรอก สิ่งเหล่านี้ได้มาอย่างไร? — อิหม่านความศรัทธา ความเข้มแข็ง ความเสียสละ คำตอบคือ ได้มาด้วยการอบรมสั่งสอน ด้วยการปูฐาน

ทั้งนี้ จะทำอย่างไรให้ประชาชาติได้มาซึ่งอีหม่านอันแรงกล้าแบบนี้ ตามที่ท่านนบี(ศ็อลฯ) กล่าวไว้ — ถามว่า บนีอับบาส บนีอุมัยยะ คอลีฟะแห่งยุคสมัยสร้างให้ได้มั้ย?? — ไม่ได้ เพราะมันเองก็ไม่มี !!

ทว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้าง “ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” เพื่อการปฏิวัติของอิมามมะฮ์ดี(อ.) และงานชิ้นนี้ ก็ได้ถูกมอบให้กับอะฮ์ลุลเบต(อ.) โดยเวลาที่เหมาะสม ก็มีขึ้นในยุคของท่านอิมามริฏอ(อ) และนั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่สำคัญที่สุด ที่ท่านอิมามริฏอ(อ) จะต้องไปยังแผ่นดินโคราซาน แม้ในภาพนอก จะดูเหมือนถูกพวกอับบาสิยะบังคับให้ไป แต่จริงๆแล้ว เป็นพระประสงค์ของอัลลอฮ์(ซ.บ) ที่ท่านอิมามริฏอ(อ.)จะต้องไปปรากฎที่ตรงนั้น ณ แผ่นดินโคราซาน อันเนื่องจากพลังอันนี้ จะเกิดขึ้นกับบุคคลที่รู้จักและมีความรักต่ออะฮ์ลุลเบต(อ) เพียงเท่านั้น •••

 

~ ดังนั้น ด้วยกับบารากัต และอานิสงค์จากการมาของท่านอิมามริฎอ (อ.) และวงศ์วานของท่านทั่วแผ่นดินอิหร่าน ซึ่งมาเพื่อปูพื้นฐานประชาชาตินี้ ไปสู่การรองรับการปฏิวัติโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ พลังและศรัทธาอันแรงกล้า จึงถือกำเนิดขึ้นในแผ่นดินแห่งนี้ !! ~

 

🌹 ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

 

اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم

___________

 

รับฟังการบรรยายฉบับเต็ม: https://fb.watch/kSoX8M0z1C/?mibextid=v7YzmG

ถอดคำบรรยายโดย: syedsulaiman. com

🔰——- [บทบาทของท่านอิมามริฎอ(อ.)] ——- 🔰

 

  • •• มีสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ในการปฏิวัติของอิมามมะฮ์ดี(อ) — ถามว่าท่านอิมาม (อ.) จะมาปฎิวัติเมื่อไหร่? คำตอบคือ ในยุคอาคิรุซมาน (ยุคสุดท้าย) เพราะหลังจากการปฏิวัติของท่านจบลง และบรรลุเป้าหมายแล้ว โลกจะเข้าสู่กิยามัต — ซึ่งในส่วนนี้ ก็ยังมีรายละเอียดอีกมาก เช่น การกลับมาอีกครั้งของท่านนบีอีซา (อ.) รวมถึงท่านนบีคัยดิร (อ.) ก็ต้องกลับมาอีกเช่นกัน

 

📌การปฏิวัติของมวลมนุษย์ ตามวิถีทางตามธรรมชาติ

 

ถามว่า ทำไมท่านนบีอีซา(อ.) จะต้องกลับมา? อะไรคือ บทบาทของท่านนบีอีซา (อ.) ? ทำไมเป็นพันๆปีแล้ว จึงยังต้องกลับมา? ทำไมอัลลอฮ์(ซ.บ ) ถึงเก็บนบีอีซา(อ) ไว้ ยังไม่ให้เสียชีวิต และนำเอาท่านไปอยู่ในสภาพเร้นหายเหมือนกัน ท่านนบีอีซา(อ.) มีความสำคัญสักขนาดไหน ถึงต้องรักษาเอาไว้ เพื่อมาช่วยอิมามมะฮ์ดี(อ)ทำการปฏิวัติ?

 

➡️ เพราะท่านนบีอีซา(อ.) จะต้องมาชี้นำชาวคริสเตียน และมายืนยันการปฏิวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ) อันเนื่องจากการปฏิวัตินี้เป็นการปฏิวัติของมนุษยชาติ มุสลิมไม่เพียงพอ จึงต้องนำคริสเตียนมาด้วย และผู้ที่จะชี้นำชาวคริสเตียนกลับมาได้ คือ ท่านนบีอีซา(อ.)

 

ทำไมอัลลอฮฺ(ซ.บ) จึงไม่ช่วยทำให้(มุสลิม)มีเพียงพอไปเลย? — คำตอบคือ ถ้าจะให้ช่วยแบบนี้ ก็ไม่ต้องรอเป็นพันๆปี เหตุที่ต้องรอกันเป็นพันๆปีนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้การปฏิวัตินี้ เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เหมือนกับการปฏิวัติของท่านนบีมูซา(อ.) ซึ่งแตกต่าง เพราะการปฏิวัติของท่านนบีมูซา(อ.) ในการโค่นล้มฟิรอูน(ล.น)นั้น พระองค์(ซ.บ)ทรงช่วยเหลือ 99.99%

 

ทว่า การปฏิวัตินี้ไม่ใช่เช่นนั้น การปฏิวัตินี้ คือ จะต้องปฏิวัติตามวิถีของมนุษย์ ตามวิถีของธรรมชาติ จริงๆตรงนี้ เป็นการปูทางไปสู่เป้าหมาย เพราะเป็นการปฏิวัติตามวิถีของมนุษย์ ที่อิมามมะฮ์ดี(อ) ต้องเร้นหายเป็นพันๆปี นบีอีซา(อ.) เป็นสองพันปี ซึ่งหากจะให้อัลลอฮ์(ซ.บ)ช่วย เหมือนที่ช่วยท่านนบีอิบรอฮีม(อ.) หรือเหมือนที่ช่วยท่านนบีมูซา (อ.) ก็ไม่จำเป็นจะต้องมี(การเร้นหาย)เป็นพันๆปี

 

📌ปัจจัยสำคัญ เมื่อพระองค์ทรงประสงค์การปฏิวัติที่มาจากศรัทธาอย่างแท้จริง

 

ทว่าพระองค์ทรงประสงค์การปฏิวัติที่เกิดจากความรัก และความศรัทธาของมนุษย์อย่างแท้จริง ดังนั้น เมื่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) จะเอาการปฏิวัติแบบนี้ จึงเข้าสู่ประเด็นที่ว่า อะไรคืออีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ??

 

เมื่อท่านอิมามฮูเซน(อ.) ได้แสดงพิมพ์เขียวเอาไว้แล้ว อะไรอีกอย่าง ที่จะเป็นเรื่องที่สำคัญของการปฏิวัติที่เป็นวิถีทางธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง? — แน่นอนว่า การช่วยเหลือที่เร้นลับ ก็มีเช่นกัน ไม่ใช่ไม่มี แต่มีในแบบที่ไม่ให้ถูกมองเห็น ผู้ที่ศรัทธาที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมองเห็น — ดังนั้น อะไรอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ?

 

➡️ คำตอบคือ “ผู้ช่วยเหลือหลัก” ของการปฏิวัตินี้ หมายถึง จุดเริ่มต้น ผู้เริ่มต้น ที่จะเป็นตัวช่วยเหลือหลักของการปฏิวัติอันนี้ ประการที่สอง นอกจากผู้ช่วยเหลือหลักแล้ว คือ “ฐานมั่นและแผ่นดิน” สำหรับการปฏิวัติ

 

และเมื่อการปฏิวัติ เป็นวิถีทางธรรมชาติ ดังนั้น กลุ่มชนหลัก และแผ่นดินที่ถูกเลือก และประชาชาติที่ถูกเลือกสำหรับการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่อันนี้ ก็คือ ชาวอิหร่าน

 

📌 ประชาชาติที่ถูกเลือก ประชาชาติแห่งซัลมาน อัลฟารซี

 

ทำไมชาวอิหร่านจึงถูกเลือก? — เพราะความพิเศษทางด้านศรัทธาของเขา ซึ่งเรามีทั้งอายะฮ์อัลกุรอานและฮะดิษอย่างมากมายเกี่ยวกับหัวข้อนี้ วันนี้ขอยก หนึ่งอายะฮ์จากอัลกุรอาน ถือว่าเพียงพอ ที่จะมาเป็นเครื่องยืนยันว่า ทำไมประชาชาตินี้จึงถูกเลือก โดยอายะฮ์แรกที่จะต้องยก เมื่อพูดถึงประชาชาติอิหร่านคือ อายะฮ์สุดท้าย ที่อยู่ในซูเราะฮ์มูฮัมหมัด ความว่า:

 

وَإِن تَتَوَلَّوْا يَسْتَبْدِلْ قَوْمًا غَيْرَكُمْ ثُمَّ لَا يَكُونُوا أَمْثَالَكُم

พระองค์ก็จะทรงเปลี่ยนหมู่ชนอื่นแทนพวกเจ้า แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เป็นเช่นพวกเจ้า

 

➡️ คำอธิบาย: วันหนึ่ง อายะฮ์นี้ถูกประทานให้กับท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ) มีความหมายว่า ‘ถ้าพวกเจ้าหันกลับ’ … เปลี่ยนแปลง ไร้อีหม่าน ทิ้งศาสนา.. ‘อัลลอฮ์(ซ.บ) จะเปลี่ยนประชาชาติใหม่ ที่ไม่เหมือนกับพวกเจ้า และพวกเจ้าก็จะไม่มีวันเหมือนกับพวกเขา

 

บรรดาอบู (สาวก) ต่างๆ ได้ยินดังนั้น เกิดความสับสน จึงได้ถาม… ‘ยารอซูลุลลอฮ์ อายะฮ์นี้ลงมา มีความหมายว่าอย่างไร? ‘ — ตรงนี้ ถือเป็นความโชคดีของเรา (ชีอะฮ์) เพราะโองการนี้ พร้อมคำอธิบาย และมีฮาดิษกำกับนั้น ได้ให้คำอธิบาย โดยที่คำอธิบายเช่นนี้ ก็มีบันทึกอยู่ในตัฟซีรของอิบนิกะซีร นักอรรถาธิบายที่โลกซุนหนี่ยอมรับเช่นกัน ว่า ท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้ตอบว่า — ‘วันหนึ่งพวกเจ้า จะละทิ้งศาสนา’ — พวกเจ้า หมายถึงอาหรับ ซึ่งในทุกวันนี้ ก็เป็นที่ปรากฏว่า ชาวอาหรับได้ละทิ้งอิสลามแล้ว… ‘ดังนั้น อัลลอฮ์(ซ.บ.) จะทรงเปลี่ยนประชาชาติใหม่มาแทนพวกเจ้า’ — เป็นผู้พิทักษ์ใหม่มาแทน … ‘และพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เหมือนกับพวกเจ้า’

 

[สาวกกล่าวถาม] ‘ใครกันยารอซูลุลลอฮ์ ?’ — ขณะนั้น ท่านซัลมาน อัลฟารซี กำลังนั่งอยู่ข้างๆ และท่านนบี(ศ็อลฯ) ก็ได้ตีไปบนไหล่ของท่านซัลมาน อัลฟารซี บางฮะดิษบอกว่า ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้ตีไปที่น่องของซัลมาน แล้วพูดกับซอฮาบะฮ์ว่า

 

‎فَضَرَبَ یَدَهُ عَلَى فَخِذِ سَلْمَانَ فَقَالَ هَذَا وَ قَوْمُهُ وَ الَّذِی نَفْسِی بِیَدِهِ لَوْ کَانَ الْإِیمَانُ مَنُوطاً بِالثُّرَیَّا لَتَنَاوَلَهُ رِجَالٌ مِنْ فَارِسَ”.

 

‘นี่ ประชาชาตินี้ อัลฟารซี ที่จะมาทดแทนพวกเจ้าในวันที่พวกเจ้าทิ้งศาสนานี้’ … และได้พูดตบท้ายอีกฮะดิษหนึ่ง ความว่า .. ‘จงรู้ไว้ด้วยว่า แม้นอิหม่านจะอยู่ถึงดาวลูกไก่’ — หมายถึงความยากลำบากของอิหม่าน คือ การที่จะยืนหยัดกับศรัทธานี้ให้ได้ ต้องผ่านการบอยคอต แซงชั่น ทุกอย่าง 40 กว่าปี — ‘แต่ฟารซีนี้ ก็ยังตรึงยึดมั่นอยู่ในศรัทธาของพวกเขา’

 

ดังนั้น ท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้ชี้ว่า การที่จะไปถึงอิหม่านนั้นยากเสมือนขึ้นไปบนดาวลูกไก่ (กล่าวในสมัยที่ชาวอาหรับยังคงขี่อูฐ) แต่ทว่าชาวเปอร์เซีย ก็จะไปถึง แม้น ยากลำบากสักเพียงใด ชาวเปอร์เซียก็จะไปถึงอีหม่านอันนั้น นี่คือความเข้มแข็ง ความอดทน ซึ่งยังมีฮะดิษอีกเป็นร้อยฮาดิษ ที่พูดในลักษณะเช่นนี้

 

อีกหนึ่งฮะดิษที่ยืนยัน ก็คือฮะดิษธงดำ ฮะดิษธงดำมีรายงาน ทั้งซุนหนี่และชีอะฮ์ … ‘เมื่อธงดำแห่งโคราซานปรากฎขึ้น เจ้าจงไปที่นั่น เพราะลูกหลานของฉันจะทำการปฏิวัติ’… หรือ.. ‘กออิมของฉัน จะกิยามแล้ว จงไปกันที่นั้น เมื่อธงดำปรากฏขึ้นในโคราซาน’… นี่คือบริบทเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของชาวอิหร่าน

 

ฮะดิษอีกมากมายที่ชี้ว่า ชาวอิหร่านจะร่วมภารกิจนี้กับอิมามมะฮ์ดี(อ) ซึ่งยืนยันแล้วด้วยว่า ‘พวกเขาจะไม่แพ้ เพราะเขาแกร่งเหมือนกับเหล็กกล้า’ لَا یَمَلُّونَ مِنَ الْحَرَبِ ‘เขาไม่เคยเหนื่อยกับสงคราม’ — ซึ่งฮาดิษเหล่านี้ ได้อธิบายอย่างละเอียดว่า ประชาชาตินี้จะเกิดขึ้น และเมื่อประชาชาตินี้เกิดขึ้นแล้ว การปฏิวัติโลก การปฏิวัติแห่งมนุษยชาติ ก็จะเกิดขึ้นตามมา เพื่อจะเชิญชวนมนุษยชาติอื่นๆเข้าร่วมกับการปฏิวัติอันนี้ ยิ่งถ้าหากเราสังเกตดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ก็ถือได้ว่า การปฏิวัติโลกได้ใกล้เข้ามาแล้ว

 

🇮🇷 ความยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่าน ในสถานการณ์ปัจจุบัน

 

มีคำพูดใหม่คำพูดหนึ่ง เป็นคำพูดแห่งยุคสมัย ซึ่งลึกซึ้งและกล้าหาญเป็นอย่างมาก ไม่มีผู้นำมุสลิมไหนในโลกที่กล้าพูด ยกเว้นจากอิหร่าน นั่นคือ คำพูดของท่าน ปธน. ซัยยิดอิบรอฮีม ระอีซี ท่านพูดเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว ขณะไปเยือนอินโดนีเซีย ต่อหน้าอุมมัติอิสลามแห่งอินโดนีเซีย ท่านพูดว่า:

 

💡“ยุคแห่งการครอบงำ และอำนาจของสหรัฐอเมริกา ได้สิ้นสุดลงแล้ว” — ยุคนี้อเมริกาหมดอำนาจแล้วไม่ต้องไปกลัวมัน

 

💡“มิตรภาพและความสามัคคี คือยุทธศาสตร์สำคัญในการเผชิญหน้ากับศัตรู” — ความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชาติ มิตรภาพ มนุษยชาติมีความรักเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน นี่ก็เพียงพอแล้วที่เราจะเผชิญหน้ากับศัตรู

 

💡“ถ้ายังหวังตะวันตก ให้ดูยูเครนเป็นบทเรียน”

ในบริบทนี้ รัฐบาลไทยควรฟังไว้ด้วย รัฐบาลเด็กอมมือ .. อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเด็กเป็นรัฐบาล? — พรรคก้าวไกลเนี่ย ซีฟัตของพวกมัน คือ ไม่เชื่อในศาสนา ไม่เคารพครูบาอาจารย์และพ่อแม่ ไม่เชื่อและศรัทธาในศีลธรรมใดๆ ขนาดยังไม่ได้เป็นนายก จะจัดปาตี้สีรุ้ง เชิญพวกสีรุ้งทั้งโลกมารวมตัวกัน…ไม่รู้พวกเชคก้าวไกลจะไปตอบกับอัลลอฮ์(ซ.บ)อย่างไร… ณ ตอนนี้ สิ่งที่ สว.กลัว มีอยู่สองอย่าง หากพวกเด็กอมมือได้จัดตั้งรัฐบาล คือ 1) จะล้มล้างสถาบันฯ 2) จะเชิญมหาอำนาจเข้ามาในประเทศนี้ มาตั้งฐานทัพ รบกับพม่า รัสเซีย จีน ดังนั้น — ท่าน ปธน. ได้กล่าวว่า ‘ให้ดูยูเครนไว้เป็นตัวอย่าง’

💡 “ต่อไปนี้ เราจะได้ยินคำว่าอิสลามมากขึ้น ในเวทีการเมืองโลก” — แปลว่า ถึงเวลาของอิสลามแล้ว ถึงเวลาของชาวมุสลิมแล้ว ที่จะต้องจัดระเบียบโลก นี่คือคำพูดของประธานาธิบดี นี่คือประชาชาตินี้ ที่อัลลอฮ์(ซ.บ)ตรัสว่า ‘ไม่เหมือนกับพวกเจ้า โอ้อาหรับเอ๋ย’ หรือที่ท่านนบี(ศ็อลฯ) กล่าวว่า ชาวเปอร์เซียก็จะไปถึงซึ่งอิหม่าน [ศรัทธาที่แข็งแกร่งกล้า] อันนั้น…

📌 บทบาทของท่านอิมามอะลี อัร-ริฎอ (อ.)

คำถามคือ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ความกล้าหาญเหล่านี้ ความพร้อมเหล่านี้ของคนอิหร่าน เกิดขึ้นได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติไหม? — เราเกิดมา มีอีหม่าน เป็นนักรบได้ทันทีหรือไม่? — ไม่ใช่ ไม่มีใครเกิดมามีอีหม่าน ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับอีหม่าน ต่อให้พ่อเป็นนบีก็ไม่มีอีหม่านหรอก สิ่งเหล่านี้ได้มาอย่างไร? — อิหม่านความศรัทธา ความเข้มแข็ง ความเสียสละ คำตอบคือ ได้มาด้วยการอบรมสั่งสอน ด้วยการปูฐาน

 

ทั้งนี้ จะทำอย่างไรให้ประชาชาติได้มาซึ่งอีหม่านอันแรงกล้าแบบนี้ ตามที่ท่านนบี(ศ็อลฯ) กล่าวไว้ — ถามว่า บนีอับบาส บนีอุมัยยะ คอลีฟะแห่งยุคสมัยสร้างให้ได้มั้ย?? — ไม่ได้ เพราะมันเองก็ไม่มี !!

 

ทว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้าง “ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” เพื่อการปฏิวัติของอิมามมะฮ์ดี(อ.) และงานชิ้นนี้ ก็ได้ถูกมอบให้กับอะฮ์ลุลเบต(อ.) โดยเวลาที่เหมาะสม ก็มีขึ้นในยุคของท่านอิมามริฏอ(อ) และนั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่สำคัญที่สุด ที่ท่านอิมามริฏอ(อ) จะต้องไปยังแผ่นดินโคราซาน แม้ในภาพนอก จะดูเหมือนถูกพวกอับบาสิยะบังคับให้ไป แต่จริงๆแล้ว เป็นพระประสงค์ของอัลลอฮ์(ซ.บ) ที่ท่านอิมามริฏอ(อ.)จะต้องไปปรากฎที่ตรงนั้น ณ แผ่นดินโคราซาน อันเนื่องจากพลังอันนี้ จะเกิดขึ้นกับบุคคลที่รู้จักและมีความรักต่ออะฮ์ลุลเบต(อ) เพียงเท่านั้น •••

 

~ ดังนั้น ด้วยกับบารากัต และอานิสงค์จากการมาของท่านอิมามริฎอ (อ.) และวงศ์วานของท่านทั่วแผ่นดินอิหร่าน ซึ่งมาเพื่อปูพื้นฐานประชาชาตินี้ ไปสู่การรองรับการปฏิวัติโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ พลังและศรัทธาอันแรงกล้า จึงถือกำเนิดขึ้นในแผ่นดินแห่งนี้ !! ~

 

🌹 ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

 

اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم

___________

รับฟังการบรรยายฉบับเต็ม: https://fb.watch/kSoX8M0z1C/?mibextid=v7YzmG

ถอดคำบรรยายโดย: syedsulaiman. com