📝ถอดคำบรรยาย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี | ค่ำคืนตาซูอา 9 มูฮัรรอม 1445 (26 กรกฎาคม 2566) ณ มัสยิดรูฮุลลอฮ์ นครศรีฯ
____________________
- •• ค่ำคืนนี้ เป็นค่ำคืนตาซูอา ค่ำคืนที่ 9 คืนพรุ่งนี้เป็นคืนอาชูรอ คืนที่ 10 ของมูฮัรรอม ซึ่งบรรดาอะอิมมะ(อ) อาเล็มอุลามาทั้งหมด สรุปไว้ว่า 2 คืนนี้ จะต้องเป็น 2 คืนที่เข้มข้นที่สุดของการไว้ทุกข์ไว้อาลัย มารยาทในการให้เกียรติอัยยามมุลอฮ์ วันต่างๆของอัลลอฮ์ (ซ.บ) และโดยเฉพาะวันต่างๆของเดือนมูฮัรรอมนั้น เราควรที่จะให้ความสำคัญให้มากกว่านี้
ถ้าเป็นไปได้ เสียงหัวเราะไม่ควรจะเกิดขึ้นกับคนที่เรียกตัวเองว่า ผู้ที่มีความรักต่ออะลุลเบต(อ.) บรรดาอะอิมมะฮ์ทั้งหมด ทุกท่าน ผู้มีชีวิตหลังจากเหตุการณ์กัรบาลาไปแล้ว เมื่อได้รับแจ้งว่าจันทร์เสี้ยวแห่งเดือนมูฮัรรอมได้ปรากฎขึ้น ตั้งแต่วินาทีที่ได้ยินข่าวนั้น จะไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของบรรดาอิมามทั้งหมด ซึ่งเราอาจจะทำไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น อย่าเหลวไหลจนกระทั่งว่าไม่มีความสำรวม ไม่มีอาการของการไว้ทุกข์ อย่างน้อยๆควรจะรักษาฮุรมัตอันนี้เอาไว้ให้ได้ บางครั้งการรักษาฮุรมัตอันนี้ มรรคผลของมันที่เราจะได้รับ มันอาจจะเกินที่เราคาด เพราะเป็นคุณลักษณะหนึ่งของอัลลอฮ์(ซ.บ) ที่พระองค์จะทรงประทานให้อย่างมากมายกับการกระทำเพียงน้อยนิด เราไม่ใช่มะอฺซูม อาจจะหลงลืมกันได้ แม้กระนั้นก็ต้องช่วยตักเตือน ซึ่งกันและกัน
- •• เรื่องที่สอง ก่อนที่จะเข้าเนื้อหา อยากจะยืนยันคำพูดซัยยิดฮูเซน ที่ยืนยันคำพูดผม คือ กัรบาลา-อาชูรอ คือ มหาวิทยาลัยแห่งความรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด หรือจะพูดว่าเป็น มหาสมุทรแห่งการเรียนรู้ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด แม้นจะค้นคว้าสักขนาดไหน พี่น้องจะพบกับมุมมองและมิติใหม่ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นเสมอ สำหรับผู้ที่ค้นคว้าและหาฮากีกัตแห่งอาชูรอ และฮากีกัตแห่งกัรบาลา แม้นพี่น้องจะฟังไปอีกสิบปี หรือร้อยปี ก็จะมีสาขาเกิดขึ้นใหม่ๆ ขอยืนยันและยืนหยัด วีรกรรมกัรบาลา เป็นวีรกรรมที่ถูกสร้างเพียงครั้งเดียว และเป็นแบบอย่างกับมวลมนุษยชาติจนถึงวันสิ้นโลก
📌วันนี้ผมจะเพิ่มอีกประโยค นอกเหนือจากประโยคนี้เมื่อไม่กี่วัน ผมได้รับคลิปเสียงจากท่านอยาตุลลอฮ์มัรวี ซึ่งตอนนี้ท่านตับลีกที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย อุลามาอฺชั้นสูง ที่ยอมออกจากประเทศเดินสายตับลีก ท่านได้ส่งคลิปเสียงสั้นๆแต่จะบอกกับพี่น้องว่าคลิปเสียงสั้นๆนี้ เมื่อได้ฟัง ในทันที ผมก็ได้รับคำตอบเรื่องกัรบาลาทั้งหมดเลย รอแต่การอธิบายรายละเอียดของมันทั้งหมด เป็นคลิปที่ท่านพูดบรรยายในเมืองซิดนีย์เกียวกับอาชูรอ และท่านก็ส่งมาให้ผม ท่านพูดสรุปว่า:
“อาชูรอหรือกัรบาลาคือบทสรุปอิสลามที่สมบูรณ์ ที่เป็นตัวทำให้อิสลามฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง”
💡คำอธิบาย: ความรู้ทั้งหมดอยู่ในสองประโยค ศาสนาทั้งหมดสรุปที่เรื่องราวของอาชูรอ ฉบับสมบูรณ์ด้วย อันนี้ผมจะอธิบายสักเล็กน้อย…
🏴ถ้าหากจะมีศาสนาอย่างผู้ประสบความสำเร็จ จะต้องนับถือศาสนาเยี่ยงวีรชนแห่งกัรบาลา ไม่ว่าวีรชนคนนั้น จะเป็นวีรสตรีหรือวีรบุรุษ
🏴ถ้าผู้หญิงต้องการจะมีศาสนาอย่างแท้จริง และสมบูรณ์ สตรีนางนั้นจะต้องนับถือศาสนาเหมือนกับวีรสตรีแห่งกัรบาลา เลือกเอาเองว่าจะหยิบของวีรสตรีคนไหนมาเป็นแบบอย่าง
🏴บุรุษก็เหมือนกัน ถ้าจะนับถือศาสนาอย่างประสบความสำเร็จ จะต้องนับถือศาสนาเหมือนกับเหล่าวีรบรุษแห่งกัรบาลานับถือศาสนา ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ไม่มีใครสามารถยืนยันถึงความสำเร็จในการนับถือศาสนาได้
เพราะเอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ)ต้องการจะสรุปให้มนุษยชาติได้รับรู้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันสิ้นโลกว่า ถ้าจะนับถือศาสนาให้ดูที่เหล่าวีรชนแห่งกัรบาลา!!
⚠️ และทำไม ต้องใช้คำว่าเป็นแบบอย่างของมนุษยชาติจนถึงวันสิ้นโลก?
💡คำอธิบาย: วีรกรรมอันนี้ ยังเป็นแบบอย่างกับมวลมนุษยชาติจนถึงวันสิ้นโลก แสดงว่า การต่อสู้ที่กัรบาลาจบแล้วหรือยัง? [ตอบ] ยังไม่จบ!! กระนั้นแล้ว จะนำเอาอะไร มาเป็นเครื่องยืนยัน พิสูจน์ว่า การต่อสู้ที่กัรบาลายังไม่จบ?!?
‼️กัรบาลา-อาชูรอ การต่อสู้ที่ยังคงดำเนินอยู่ ‼️
มี 2-3 เรื่องที่มียืนยันในฮะดิษ ในอัลกุรอาน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า การต่อสู้ที่กัรบาลายังไม่จบ เมื่อยังไม่จบ แสดงว่าการต่อสู้ยังมีอยู่ ทั้งสองฝ่ายยังต้องการนักรบ ยังต้องการวีรชน ทั้งสองฝ่าย ก็จะต้องปลูกฝังนักรบและวีรชนของตนเอง อย่างน้อย จากฝ่ายของเรา
🏴 ข้อพิสูจน์จากดุอานุดบะฮ์
ในดุอานุดบะฮ์ [อัลฮัมดุลิลลาฮ์ มัสยิดรูฮุลลอฮ์ได้รับเตาฟีกในการอ่านทุกๆเช้าวันศุกร์] ซึ่งในดุอานุดบะฮ์มีเนื้อหาเรื่องราวมากมายเป็นอย่างมาก หากแปลตามภาษาของผม ดุอานุดบะฮ์แปลว่า ดุอารำพึงรำพันถึงอิมามมะฮ์ดี(อ.)ทุกๆเช้าวันศุกร์ บางคำเป็นคำรำพึงรำพันที่สูงส่ง บางคำเป็นคำรำพึงรำพันที่ซ่อนเนื้อหาไว้อย่างมากมาย หยิบมาหนึ่งคำในคำรำพึงรำพันให้กับอิมามมะฮ์ดี(อ.) คือ
أَیْنَ الطّالِبُ بِدَمِ الْمَقْتُولِ بِکَرْبَلاءَ
ความว่า: อยู่ไหนกันผู้ที่จะมาทวงหนี้เลือดให้กับเลือดที่ถูกสังหารที่ถูกฆ่า ณ แผ่นดินกัรบาลา
ดุอานี้มาจากอะฮ์ลุลเบต(อ.) อยาตุลลอฮ์มัรวีบอกผมว่า เป็นดุอาที่มุอฺตะบัร (เชื่อถือได้) ที่สุดในหลายสายรายงาน กล่าวคือ เป็นดุอามาจากอะฮ์ลุลเบต ล้านเปอร์เซ็นต์ อะฮ์ลุลเบตต้องการที่จะสร้างอะไร? — ต้องการสร้างผู้ที่จะมาล้างแค้นให้กับหนี้เลือดที่กัรบาลา อะฮ์ลุลเบตต้องการจะสร้างผู้ที่จะมาล้างแค้นให้กับอะลีอัสกัรที่ถูกยิงที่คอหอย และทั้งหมด แค่คำนี้ก็เพียงพอ และยังมีบทพิสูจน์อีกหลายๆบท ทั้งจากอันนี้และบทดุอาอื่นๆที่ยืนยันกับพวกเราว่า สงครามนี้ยังไม่จบ ยังดำเนินอยู่ เพียงแต่ว่าพวกเราอยู่ในสนามรบแล้วหรือยัง? พวกเรารับรู้แล้วหรือยัง? และนี่คือหนึ่งในคำตอบที่ว่ามัญลิสอะไร รำลึกกันทุกปี จะต้องรำลึกแบบนี้ไปตลอดกาล จนกระทั่ง “ฮะบีบ บิน มาซอเฮร”
เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก จนกระทั่ง “กอซิม บิน ฮะซัน” เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก จนกระทั่ง “อะลีอักบัร” เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก จนกระทั่ง “ซัยหนับ” เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก “สุกัยนะฮ์” เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก “อุมมุลวาฮาบ” เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก และพร้อมที่จะเผชิญกับแนวรบของศัตรู!
ดังนั้น จึงต้องรำลึกตลอดไป โดยหวังว่า สิ่งที่อะฮ์ลุลเบต ตามที่พวกท่านได้วางกลไกของการรำลึก ซึ่งจริงๆแล้ว เป้าหมายของการรำลึก คือ ต้องการจะสร้างสิ่งนี้ เช่น ถ้าพวกท่านแก่ชราแล้ว ก็จะสร้างให้พวกท่านเป็นดั่งฮะบีบ บิน มะซอเฮร ถ้าพวกท่านยังหนุ่มอยู่ ก็ต้องการให้เป็นดั่งอะลีอักบัร สิ่งนี้ที่ต้องการ นี่คือเหตุผลที่ต้องรำลึกไปเรื่อยๆ
🏴 สโลแกนมูฮัรรอมประจำปี โดยซัยยิดฮาซัน นัศรุลลอฮ์
อีกหนึ่งในเครื่องยืนยันว่า สงครามนี้ยังไม่จบ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ท่านซัยยิดฮะซันนัสรุลลอฮ์ออกมาประกาศสโลแกนมูฮัรรอมปีนี้ ความว่า: “ปีนี้คือปีจากกัรบาลาสู่การกิยามของอิมามมะฮ์ดี(อ)” — จากกัรบาลาสู่การปฏิวัติของอิมามมะฮ์ดี(อ) !!
แสดงว่า กัรบาลาต้องการจะสร้างนักปฏิวัติ หนึ่งในเหตุผลที่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ยังไม่ปรากฎ เพราะนักปฏิวัติของท่านยังไม่ครบ นักปฏิวัติบางคนยังไม่ได้ปฏิวัติตัวเองเลย แล้วจะไปปฏิวัติสังคม ปฏิวัติโลกได้อย่างไร นักปฏิวัติต้องเริ่มจากการปฏิวัติตนเอง และตามมา คือการปฏิวัติครอบครัว แล้วค่อยปฏิวัติประเทศ แล้วค่อยปฏิวัติโลก และตราบใดที่นักปฏิวัติยังไม่ครบ อิมามมะฮ์ดี(อ.) ก็ปรากฏไม่ได้
เพราะอัลลอฮ์(ซ.บ)ไม่ให้ปรากฏ แม้นอิมามมะฮ์ดี(อ.)ขอปรากฎก็ตาม เรามีหลักฐานว่า อิมามมะฮ์ดี(อ.) ของปรากฎทุกๆวันศุกร์ ท่านจะไปยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของกะบะฮ์ ชักดาบขึ้นมา แล้วประกาศ أنا قائم آل محمد ‘ฉันคือกออิมจากอาลีมูฮัมมัด’
[ทว่า] อัลลอฮ์(ซ.บ) บอกให้เก็บดาบไว้ ยังไม่ถึงเวลา นักปฏิวัติของเจ้ายังไม่พร้อม บางริวายัตบอกว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)ต้องเก็บดาบ แล้วก็หลั่งน้ำตา อาจจะหลั่งน้ำตาทุกๆวันศุกร์เป็นเวลาพันปีแล้ว เพราะพวกเรายังไม่พร้อม
สโลแกนของซัยยิดฮะซันนัสรุลลอฮ์ นอกจากมุมมองนี้แล้ว ยังเป็นมุมมองแห่งความหวังด้วยว่า ทำไมมูฮัรรอมปีนี้ท่านให้สโลแกนนี้ กล่าวคือ จะชี้บอกถึงเป้าหมายว่า วีรกรรมอันนี้ ที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น ที่เราหลั่งน้ำตากันมาเป็นพันๆปี เป้าหมายหลัก เป้าหมายยิ่งใหญ่คือสิ่งนี้
“ฆัยรัต” บุคลิกภาพที่สำคัญของนักฏิวัติโลกในอุดมคติ ตามแบบฉบับวีรชนกัรบาลา
- •• ทำไมเรายังไม่พร้อม ~ ทำไมนักปฏิวัติสำหรับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จึงยังไม่เพียงพอ..? ~
วันนี้มีหัวข้อหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยพูดกันอย่างละเอียดเลย หนึ่งบุคลิกภาพที่สำคัญที่จะทำให้เรากลายเป็นนักปฏิวัติไปเรื่อยๆ ปฏิวัติตัวเอง ปฏิวัติครอบครัว ปฏิวัติสังคม ปฏิวัติประเทศ สู่การปฏิวัติโลก มีบุคลิกภาพอันหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แล้วพวกเราส่วนมากจะมองข้ามบุคลิกภาพที่สำคัญอันนี้ บุคลิกภาพอันนี้อัลลอฮ์(ซ.บ)ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ
“ฆัยรัต” ( غیرت )ในการนับถือศาสนา
🔻“ฆัยรัต” ( غیرت )ในการนับถือศาสนา
ฆัยรัต แปลตรงๆไม่ได้ จำเป็นต้องอธิบาย ฆัยรัต คือยางอาย และศักดิ์ศรี บางครั้งแปลว่า “ยางอาย” ในการนับถือศาสนา บางครั้งแปลว่า “ศักดิ์ศรี” ในการนับถือศาสนา ขึ้นกับบริบท กัรบาลาเกิดขึ้นเพราะว่ารักศักดิ์ศรี หรือว่ารักชีวิต รักศักดิ์ศรี นี่ความหมายของคำว่ามีฆัยรัตในการนับถือศาสนา ส่วนมียางอายนั้น ใช้ในบริบทเรื่องอื่น แต่ก็มีความสำคัญ เพราะใช้หมดทุกเรื่อง แม้แต่ชีวิตประจำวัน ผมก็พยายามดูว่าคำนี้เริ่มใช่ตั้งแต่เมื่อไหร่
ดังนั้น ฆัยรัต แปลว่ายางอาย หรือศักดิ์ศรีในการนับถือศาสนา ดูว่าเราอยู่ในบริบทไหน ถ้าเราเป็นพ่อเป็นพ่อแบบมีฆัยรัต ถ้าเป็นสามี ก็เป็นสามีแบบมีฆัยรัต ถ้ามีศาสนา ก็ต้องนับถือศาสนาแบบมีฆัยรัต
ครั้งแรกที่ได้ยิน [คำว่า ฆัยรัต] คือ ในสงครามหนึ่ง เมื่อสมัยมีสงครามกับมุชรีกีนในมะดีนะฮ์ มีกาเฟรกลุ่มหนึ่ง ถูกจับเป็นเชลยศึก และในเชลยศึกมีเชลยศึกอันตรายอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อนำไปให้ท่านนบี(ศ็อลฯ) ท่านนบี(ศ็อลฯ) สั่งประหารชีวิตหมดเลย ยกเว้นหนึ่งคน ซึ่งเป็นกาเฟรฮัรบี และเป็นหัวโจกด้วย
ทว่าเมื่อมีคำสั่งให้ปล่อยตัว กาเฟรคนนั้น ก็ได้รับการปล่อยเป็นอิสระ เมื่อเป็นเช่นนั้น กาเฟรคนนี้ จึงสงสัยและเดินไปหาท่านนบี(ศ็อลฯ) เพื่อถามว่า ‘ท่านปล่อยตัวฉันทำไม? ทำไมฉันจึงได้รับการละเว้นโทษ? ‘ ท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้ตอบกับกาเฟรฮัรบีคนนั้นว่า
اَلْغيرَةُ الشَّديدَةُ عَلى حَرَمِكِ — ‘เพราะเจ้ามีฆัยรัตต่อครอบครัว’ กล่าวคือ [ในกรณีที่] ยังไม่นำเอาศาสนามาเกี่ยว แต่เมื่อกาเฟรคนนั้น เป็นกาเฟรที่มีฆัยรัต — ‘เพราะเจ้ามีฆัยรัตต่อครอบครัว’ หมายความว่าอย่างไร?
คนที่มีฆัยรัตต่อครอบครัว หมายความว่า สมมุติ หากเขาเป็นสามี เขาคือสามี ที่ไม่ใช่ว่าภรรยาจะคุยกับผู้ชายหน้าไหนก็ได้ ภรรยาจะไปกับผู้ชายคนไหนก็ได้ ถ้าสามีแบบนี้ ในอิสลามเรียกว่า เป็นสามีที่ไม่มีฆัยรัต กรณีนี้พูดถึงฆัยรัตต่อครอบครัวก่อน กล่าวคือ เพราะกาเฟรคนนี้ยังไม่มีศาสนา ไม่ใช่ลูกสาวเราจะคุยกับใครก็ได้ลูกสาวเราอิสระแล้วนี่เป็นพ่อที่ไม่มีฆัยรัต อันนี้เรื่องฆัยรัตที่เกียวกับครอบครัว ยังไม่มีศานาเลย ทว่ากาเฟรคนนี้มีฆัยรัต อัลลอฮ์(ซ.บ) จึงรักมัน ทั้งๆที่มันมาต่อสู้กับอิสลาม นี่คือความสำคัญที่อัลลอฮ์ (อ.) มอบให้กับฆัยรัต
วันนี้ผมไปค้นฮะดิษของท่านอิมามอะลี(อ.) เมื่อท่านปกครองในเมืองกูฟะฮ์ มีคนรายงานให้กับท่านอิมามอะลี(อ.)ว่า ‘พวกผู้ชายภายใต้การปกครองนั้น รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีฆัยรัตกัน รู้สึกว่าตลาดในกูฟะฮ์ มีผู้หญิงเดินเบียดเสียดกันกับผู้ชายเป็นเรื่องปกติ’ เพียงเท่านี้ ไม่ได้ไปทำชั่วอะไรมากมายเลย บรรดาสามีเหล่านี้ไม่ค่อยสนใจเลย ท่านอิมามอะลี(อ.) ขึ้นคุตบะฮ์แล้วกล่าวว่า “ยาอะฮ์ลัลอิรอก!”
نبّئت انّ نسائکم یدافعن الرّجال فی الطّریق، اما تستحیون؟ لعن اللّه من لایغار
‘โอ้ชาวอิรักเอ๋ย มีข่าวมายังฉันว่า ผู้หญิงของพวกเจ้านั้นเดินปนกับผู้ชายตามท้องถนน พวกเจ้าไม่อายกันหรือ?!?’
บางครั้ง ฆัยรัต แปลว่า ไร้ยางอาย หลังจากนั้นบอกว่า «لَعَنَ اللّهُ مَنْ لايُغارُ» ขอความสาปแช่งของอัลลอฮ์(ซ.บ) จงมีแด่ผู้คนที่ไม่มีฆัยรัต — นี่แค่เรื่องปล่อยให้ผู้หญิง (อาจจะเป็นลูกสาวหรือภรรยา)เดินเบียดเสียดกับผู้ชายในท้องถนน ท่านอิมามอะลี(อ.) สาปแช่ง ท่านถือว่าการกระทำอันนี้ ถือว่าเป็นการกระทำของพวกที่ไม่มีฆัยรัต — บางคนสนใจไหม ลูกไปเรียนมหาวิทยาลัย ไปนั่งจู๋จี๋กับใครหรือเปล่า บาปอะไรถึงขั้นต้องสาปแช่ง บาปไม่มีฆัยรัต ฉะนั้นบาปไม่มีฆัยรัตอย่าถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แค่ปล่อยให้ลูกเมียไปเดินเบียดกับผู้ชาย ถือว่าไม่มีฆัยรัต และท่านอิมามอะลี(อ.)จบเรื่องนี้ด้วยคำว่า «لَعَنَ اللّهُ مَنْ لايُغارُ»
📌 ทำไมการมี “ฆัยรัต” จึงยิ่งใหญ่ และสำคัญ
- •• ทำไมเรื่องนี้ [การมีฆัยรัต] เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่? ทำไมกาเฟรคนหนึ่ง จึงได้รับการอภัยเลย? เป็นกาเฟรที่สู้รบกับท่านนบี(ศ็อลฯ) แต่อัลลอฮ์ (ซ.บ) สั่งให้ปล่อย เมื่อกาเฟรคนนั้นถามว่า ‘ทำไมปล่อยฉัน?’ ท่านนบี(ศ็อลฯ)บอกว่า ‘ญิบรออีลลงมาบอกฉันว่า อัลลอฮ์(ซ.บ) สั่งให้ปล่อย เพราะพระองค์รักในสิ่งที่เจ้ามีอยู่ 5 ประการ และประการแรก คือ ฆัยรัต เป็นกาเฟร แต่หวงลูกเมีย
ทีนี้มาดูผลของมัน ว่าทำไมฆัยรัตจึงเป็นเรื่องสำคัญ ฮะดิษจากท่านอิมามญะฟัร อัซ-ศอดิก(อ.):
«اِنَّ الْغيرَةَ مِنَ الاْيمانِ» ” ฆัยรัตคือหนึ่งของอีหม่าน
💡คำอธิบาย: คนที่ไม่มีฆัยรัต ใช้ชีวิตแบบไม่มียางอาย คนนั้นไม่มีอีหม่าน ตัวอย่าง สตรีที่ไม่ระมัดระวังตนเองต่อหน้าผู้ชาย ก็เป็นสตรีที่ไม่มีฆัยรัตไม่มีอิหม่าน
อีกอันหนึ่งฮะดิษจากท่านอิมามญะฟัร อัซศอดิก(อ.) اِنَّ اللّهَ غَيُورٌ يُحِبُّ كُلَ غَيُور
อัลลอฮ์(ซ.บ) เป็นพระเจ้าที่มีฆัยรัตที่สุด และรักทุกคนที่มีฆัยรัต
💡คำอธิบาย: แม้แต่กาเฟรที่มีฆัยรัต อัลลอฮ์(ซ.บ)ก็รัก ทั้งๆที่มันต้องโทษประหารชีวิต ทว่าอัลลอฮ์(ซ.บ) ให้ญิบรออีลลงมา และอภัยให้มัน เพราะมันมีฆัยรัต ถึงแม้วันนี้มันจะเป็นศัตรูกับอิสลาม อัลลอฮ์(ซ.บ) สั่งให้อภัยให้กับมัน เพราะพระองค์รักทุกคนที่มีฆัยรัต
📌อัลลอฮ์ (ซ.บ) คือ พระเจ้าผู้มีฆัยรัต
وَ لِغيرَتِهِ حَرَّمَ الْفَواحِشَ
เมื่อพระองค์เป็นพระเจ้าที่มีฆัยรัต จึงทำการฮะร่ามทุกความชั่ว ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น สิ่งที่อัลลอฮ์ (ซ.บ) บอกว่าฮะร่าม ไปทำในถ้ำฮะร่ามหรือไม่? — [ตอบ] ไม่ว่าอย่างไร ก็ฮาร่าม !
และทำไม จึงมีกฎฮาลาลและฮะร่ามสำหรับมนุษย์ ท่านอิมามญะฟัร อัซ-ศอดิก(อ.) กล่าวว่า لِغيرَتِهِ เพราะอัลลอฮ์(ซ.บ) มีฆัยรัต อัลลอฮ์ (ซ.บ) จึงไม่อนุญาตให้มนุษย์ทำสิ่งที่ฮะร่าม ‘ฉันเป็นพระผู้สร้างที่มีฆัยรัต จึงไม่อนุญาตให้มัคลูกของฉันทำบาป’
📌 ประเภทของฆัยรัต
อาเล็มอุลามาอฺได้แบ่ง “ฆัยรัต” ออกเป็น 3 อย่าง
1)ฆัยรัตชะอฺบี (غیرت شعبی) ฆัยรัตแห่งการรักชาติบ้านเมือง เมื่อมีคนจะมาบุกบ้านเมือง ฆัยรัตของเราจะต้องออกไปปกป้อง
2)ฆัยรัตในการปกป้องคนในครอบครัว ถ้ามีคนจะมาทำร้ายครอบครัวของเรา เราจะต้องปกป้องคนในครอบครัวของเราด้วยชีวิต
➡️ อันนี้คือหนึ่งในญิฮาดเดฟาอี (جهاد دفاعی) เหมือนกับดาอิชบุกอิรัก ท่านอยาตุลลอฮ์ซิสตานี ซึ่งส่วนมากท่านพยายามเลี่ยงบทบาททางการเมือง แต่รู้แล้วว่าดาอิจกำลังบุกอิรัก จะยึดแบกแดดได้แล้ว อยาตุลลอฮ์ซิสตานีฟัตวา ประกาศญิฮาดเลยเดฟาอี ปกป้องแผ่นดินเกิดของตัวเอง นั่นแหละ พวกอิรักกลุ่มหนึ่งจึงฟื้นขึ้นมา เพราะมีฆัยรัตขึ้นมาจากฟัตวาของท่านอยาตุลอฮ์ซิสตานี
อนึ่ง ซึ่งตรงนี้อาจจะตรง 2 เรื่องเลย ทั้งฆัยรัตชะอฺบีและฆัยรัตดีนี (غیرت دینی ) ด้วย ฆัยรัตดีนีตรงไหน? — ตรงที่มันประกาศว่าจะรื้อฮะรัมด้วย จึงเกิดขบวนการฮัชดุชชะอฺบี (الحشد الشعبي) ในอิรัก ถ้าไม่กล้าสู้ ไม่กล้าออกไป กลัวตาย แสดงว่าเป็นคนที่ไม่มีฆัยรัต
3)ฆัยรัตตุลดีนี (غیرت دینی ) ฆัยรัตแห่งศาสนา มีตัวอย่างอย่างมากมาย เช่น ซัลมาน รุชดี เขียนหนังสือดูถูก ดูหมิ่นท่านนบี(ศ็อลฯ) อย่างมาก ท่านอิมามโคมัยนี(ร) รอแล้ว แต่ทว่าโลกมุสลิมทั้งโลก โดยเฉพาะบรรดาผู้นำ กลับไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีฆัยรัตแห่งดีนสักคนเดียวเลย จนกระทั่งมีการประท้วงขึ้นมาในปากีสถาน ลุกขึ้นเผาสถานฑูตอังกฤษ จนมีชาวปากีถูกยิงตาย ฆัยรัตไปอยู่ที่ประชาชนก่อน ไม่ได้ไปอยู่ที่ผู้นำ พอหลังจากการจลาจลในปากีสถาน แล้วมีการเป็นชะฮีดจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นซุนนีด้วย โดยภายหลังการจลาจล เมื่อเหตุการณ์เย็นลง ท่านอิมามโคมัยนี (ร.) ออกฟัตวาในทันที เป็นฟัตวาที่หยุดการดูหมิ่นนบี(ศ็อลฯ) ได้อย่างยาวนาน [ความว่า]:
‘ผู้เขียน ผู้แปล ผู้จำหน่าย ผู้พิมพ์ ผู้จำหน่ายจ่ายแจกหนังสือเล่มนี้ ชื่อหนังสือ “อายะตุลชัยฏอน” — แปลว่า ท่านนบีได้รับการดลจากชัยฏอน — ผู้เขียน ผู้แปล ผู้จำหน่าย ผู้พิมพ์ ผู้จำหน่ายจ่ายแจกหนังสือเล่มนี้ ต้องได้รับโทษ ตายสถานเดียว! และมุสลิมคนใดก็ตามที่ปฏิบัติงานนี้ และเขาถูกฆ่าตาย เขาจะได้เป็นชะฮีด’
หากไม่มีฆัยรัตดีนี บุคคลหนึ่งสามารถประกาศสาสน์ฟัตวาอันนี้ได้กระนั้นหรือ?!?
เหตุการณ์นี้ ทำให้โลกทั้งโลกถล่มอิหร่าน ชาติสุนัข ทั้ง 7 ประเทศ เรียกฑูตกลับหมดเลย ในช่วงนั้นกำลังมีสงครามอยู่ เศรษฐกินรุนแรงอยู่ แต่เมื่อต้องแลกกับการปกป้องเกียรติของท่านนบี(ศ็อลฯ) อิมามโคมัยนี(ร.) ออกฟัตวาทันที แม้จะถูกบอยคอต โดนแซงชั่นไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาอะไรก็ยอม เพื่อปกป้องเกียรติของท่านนบี(ศ็อลฯ)
หลังจากนั้นไม่กี่วัน คนขายหนังสือเล่มนี้ในญี่ปุ่นถูกแทงตาย คนขายหนังสือเล่มนี้ในอิตาลีถูกแทงตาย จนหนังสือถูกเก็บไปทั่วโลก ซัลมาน รุชดี ก็หายเข้ากลีบเมฆ แล้วเพิ่งโผล่มา เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ลองดูว่าฟัตวานี้ขลังหรือไม่?!?
‼️เรื่องราวกัรบาลา คือ เรื่องราวของผู้มีฆัยรัต‼️
ดังนั้น จึงต้องค่อยๆพัฒนา จากฆัยรัตครอบครัว ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงฆัยรัตดีนี หรือ ฆัยรัตแห่งศาสนา ถ้าเราไม่ฝึกเป็นคนที่มีฆัยรัต เราจะไปปรากฎตัวในกัรบาลาไม่ได้ เรื่องราวของกัรบาลาไม่ใช่เรื่องของพวกไม่มีฆัยรัต ตั้งแต่ฆัยรัตแห่งครอบครัว ฆัยรัตแห่งศาสนา ไปจนถึงฆัยรัตแห่งการรับผิดชอบ เพราะประชาชาติยุคนั้นเป็นประชาชาติที่ไม่มีฆัยรัต เหตุการณ์ในกัรบาลาจึงเกิดขึ้น อิมามอะลี(อ.) บอกว่า ‘คนที่ไม่มีฆัยรัตอัลลอฮ์จะสาปแช่งทุกเรื่อง’
🩸วีรชนกัรบาลาที่มีฆัยรัตมากที่สุด
- •• ทำไมคืนนี้เราถึงเอาเรื่องฆัยรัตมาพูด วีรชนแห่งกัรบาลา หากไม่นับอิมามฮูเซน(อ.) แล้ว เจ้าของแห่งค่ำคืนนี้ [ค่ำคืนตาซูอา] นั้น คือ “วีรชนที่มีฆัยรัตมากที่สุด”วีรชนทุกคนมีฆัยรัต แม่ทุกแม่ที่กัรบาลา ก็มีฆัยรัต ภรรยาทุกคนที่นั่นมีฆัยรัต น้องสาวและพี่สาวของทุกวีรชนมีฆัยรัต แต่ที่มีฆัยรัตมากที่สุดในบรรดาวีรชน ไม่นับท่านอิมามฮูเซน(อ) คือ ท่านอบัลฟัฎลิล อับบาส (อ.)•••
🥀ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
#ปรมัตถ์แห่งการพลีสดุดีอาชูรอ
وَسَیعْلَمُ الَّذِینَ ظَلَمُوا أَی مُنْقَلَبٍ ینْقَلِبُونَ
اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم
____________________
ถอดคำบรรยายโดย ซัยหนับ ธำรงทรัพย์
เรียบเรียง และค้นคว้าอาหรับโดย ทีมงานเว็ปไซต์ syedsulaiman.com